ในช่วงฤดูร้อน ปัญหาที่ช่างอาคารได้รับการแจ้งบ่อยที่สุดคือ “แอร์ไม่เย็น” มักมาพร้อมเสียงเร่งร้อนจากผู้ใช้งาน เช่น
“ฮัลโหล ฝ่ายช่างใช่ไหมคะ? ตอนนี้แอร์ไม่เย็นเลย ห้องทำงานท่านประธานฯ ร้อนมาก ช่วยขึ้นมาดูด่วน!”
เพราะอากาศไม่เย็น ก็มักทำให้คนในห้องอารมณ์ไม่เย็นตามไปด้วย
สิ่งแรกที่ช่างจะตรวจสอบคือ การตั้งค่าเทอร์โมสตัท หากตั้งค่าไว้สูงเกินไป ก็เพียงปรับลดลง ปัญหาก็อาจจบ แต่ในความจริงแล้วส่วนใหญ่ค่าเทอร์โมสตัทมักถูกตั้งไว้ที่ 23–24°C อยู่แล้ว แต่ห้องยังคงร้อน 29–30°C การปรับเทอร์โมสตัทต่ำลงไปอีกแทบไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหา
หากคุณเคยเจอสถานการณ์นี้ บทความนี้จะแนะนำ วิธีตรวจสอบแอร์ไม่เย็นทีละขั้นตอน เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขได้ถูกจุด
ใช้เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลวัดใกล้หน้ากากจ่ายลมเย็นให้มากที่สุด
ค่าปกติควรอยู่ที่ 10–15°C
ถ้าวัดได้สูงกว่า 15°C แสดงว่าผิดปกติ
สิ่งที่ควรตรวจสอบเพิ่มเติม
A. ตรวจทั่วไป
มี Fresh Air เข้ามามากเกินไปหรือไม่
ท่อลมกลับรั่ว ดูดลมร้อนเข้ามาหรือเปล่า
ช่องฝ้า/จั่วมีรอยรั่วให้อากาศร้อนเข้าได้หรือไม่
B. แอร์แบบ Split Type
น้ำยาหมดหรือไม่
คอยล์เย็น–คอยล์ร้อนสกปรกหรือไม่
ทางระบายลมร้อนมีสิ่งกีดขวางหรือเปล่า
ลมร้อนถูกดูดย้อนกลับมาหรือไม่
C. แอร์แบบน้ำเย็น (Chilled Water)
อัตราการไหลน้ำเย็นตรงตามข้อกำหนดหรือไม่ (2.4 gpm/ตัน)
อุณหภูมิน้ำเข้าเครื่องสูงเกินไปหรือไม่ (ควรมีค่า ~45°F)
คอยล์สกปรกหรือไม่
หากไม่พบปัญหาข้างต้น อาจเป็นเพราะเครื่องแอร์มีขนาดเล็กเกินไป ไม่เพียงพอต่อห้อง ควรตรวจสอบ ปริมาณลมจ่าย ต่อไป
ใช้เครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) วัดความเร็วลมแล้วคูณกับพื้นที่หน้ากาก
หน้ากากขนาดใหญ่ควรวัดหลายจุดแล้วหาค่าเฉลี่ย
หัวจ่ายลมติดเพดานควรใช้กรวยครอบเพื่อวัดได้สะดวก
ค่ามาตรฐาน
ห้องทั่วไป: 15–30 cfm/m²
ห้องริมกระจก: 30–40 cfm/m²
หากปริมาณลมจ่ายน้อยเกินไป ให้ตรวจสอบ
แผงกรองอากาศอุดตันหรือไม่
ความเร็วรอบพัดลมต่ำเกินไป / สายพานลื่นหรือไม่
ลมไปออกห้องอื่นมากเกินไปหรือไม่
ท่อลมรั่วหรือฉีกขาดหรือเปล่า
รอยต่อท่อกับหัวจ่ายมีการรั่วหรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว ปัญหาแอร์ไม่เย็นกว่า 90% มักเกิดจาก
อุณหภูมิลมจ่ายสูงเกินไป
ปริมาณลมจ่ายน้อยเกินไป
หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน
หากตรวจสอบตามขั้นตอนนี้แล้ว จะช่วยให้หาสาเหตุได้ตรงจุด และแก้ไขได้อย่างถูกต้อง